Cloud Computing บริการประมวลผลผ่านก้อนเมฆ

หากพูดถึงเกี่ยวกับ Cloud ทุกคนคงนึกถึงแอปพลิเคชั่นหรือเว็บบริการจัดเก็บไฟล์อย่าง Google Drive, DropBox, iCloud หรือ One Drive บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณอย่างแน่นอน แต่ว่า Cloud Computing ที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ ไม่ใช่เพียงแค่บริการจัดเก็บไฟล์อย่างที่พวกเรารู้จักกัน เพราะว่าจริงๆ แล้ว Cloud Computing ทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าที่พวกเราคิด

Cloud Computing คืออะไร

Cloud Computing หมายถึง บริการที่ครอบคลุมถึงการให้ใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆ จากผู้ให้บริการ ซึ่งรูปแบบของบริการนั้นอาจอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ ซอฟต์แวร์ หรือแอปพลิเคชั่นบนมือถือก็ได้ ทุกการประมวลผลหรือดำเนินการใดๆ บนแพลตฟอร์มที่ให้บริการ จะล้วนผ่านเข้าไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และข้อมูลจะถูกบันทึกจัดเก็บไว้ที่ผู้ให้บริการ

เนื่องจากการประมวลผลทำผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องจัดเก็บหรือสำรองข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ของตัวเอง เพราะข้อมูลทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้กับผู้ให้บริการ หากผู้ใช้ต้องการใช้งานเพียงเปิดแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการนั้น เพื่อเข้าถึงข้อมูลและจัดการแก้ไขได้ จึงทำให้ Cloud Computing มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บริการประมวลผลผ่านก้อนเมฆ เพราะเราสามารถดำเนินการใดๆ ทุกอย่างได้โดยผ่านอินเทอร์เน็ต

ประเภทของ Cloud Computing

ประเภทของ Cloud Computing สามารถแบ่งออกมาได้ตามรูปแบบของการติดตั้งระบบ โดยแบ่งออกมาได้เป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

Private Cloud

การตั้งระบบคลาวด์ส่วนตัว โดยแต่ละบริษัทหรือองค์กรจะลงทุนจัดตั้ง Hardware และ Software ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทำ Cloud Data Center ขึ้นมาเป็นของตัวเอง เพื่อให้พนักงานในองค์กรใช้เท่านั้น

Public Cloud

บริการคลาวด์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ โดยจะมีผู้ให้บริการระบบคราวด์เป็นคนตั้ง ระบบ Hardware และ Software ขึ้นมา แล้วให้แต่ระบริษัทหรือองค์กรเข้าไปเช่าใช้บริการ อาจจะจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี

Hybrid Cloud

เป็นการเอาข้อดีของระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud มาใช้ร่วมกัน เช่น การนำ Private Cloud มาใช้สำหรับเก็บข้อมูลภายในองค์กร และใช้ Public Cloud มาใช้เพื่อการ Scale out ในการประมวลผลในช่วงที่เกิด Workload Peak time เป็นต้น

บริการ Cloud Computing มีอะไรบ้าง

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีผู้ให้บริการ Cloud Computing มากมายหลายแห่ง แต่ว่าเราสามารถแบ่งประเภทของบริการได้ออกมาหลัก 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

Software as a Service (SaaS)

เป็นบริการที่ให้ใช้หรือเช่าใช้บริการ Software และ Application ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการโดยที่เราไม่ต้องกังวล หรือหาคนมาดูแล Infrastructure และคนมาสร้าง Application ให้เรา เพราะทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมมาโดยผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว

ตัวอย่างที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเช่น Google Docs หรือ Google Apps ที่มาในรูปแบบการใช้ซอฟต์แวร์ผ่านเว็บบราวเซอร์ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนเครื่อง หรือ Web-based Email Service ต่างๆ เช่น Hotmail, Gmail, Facebook, Twitter ที่มีการเก็บโปรแกรมและข้อมูลต่างๆไว้ที่ Host แล้วให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ application ต่างๆ ผ่านทางเว็บได้ ก็ถือว่าเป็นบริการประเภทนี้อีกเช่นเดียวกัน

Platform as a Service (PaaS)

เป็นบริการที่ให้บริการด้าน Platform สำหรับผู้ใช้งานเช่น นักพัฒนาระบบ หรือ Developer ที่ทำงานด้าน Software และ Applicationโดยผู้ให้บริการ Cloud จะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการพัฒนา Software และ Application เอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, หรือชุดคำสั่ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถต่อยอดได้เลย

ตัวอย่างบริการทางด้านนี้เช่น ReadyPlannet, WIX และ Wordpress ที่ผู้ใช้บริการสามารถสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ หรือ Google App Engine ที่ให้เราสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นของตัวเองได้

Infrastructure as a Service (IaaS)

เป็นบริการที่ครอบคลุมเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีได้แก่ ระบบเครือข่าย (Network), ระบบจัดเก็บข้อมูล (Database), ระบบประมวลผล (CPU) ไปจนถึงอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น Servers และ ระบบปฏิบัติการ (OS)ใ นรูปแบบระบบเสมือน (Virtualization)  โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อ Hardware ที่มีราคาแพง

ตัวอย่างของคราวด์ประเภทนี้ที่เราเห็นได้ชัดเลยคือบริการที่เป็น Cloud storage ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Drive, iCloud , Dropbox หรือ Microsoft Onedrive เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีบริการให้เช่ากำลังประมวลผลหรือเซิร์ฟเวอร์เสมือนอีกด้วย เช่น OpenLandscape Cloud, Amazon Web Services, Microsoft Azure เป็นต้น

Cloud Computing นั้นคือว่าเป็นนวัตกรรมที่พลิกโฉมเทคโนโลยีให้ก้าวไปสู่อนาคตได้ไกลขึ้น เพราะทำให้พวกเราได้รู้ถึงความสำคัญของอินเทอร์เน็ต ซึ่งในปัจจุบันนี้นับว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันของพวกเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า เหล่าผู้ให้บริการ Cloud Computing จะสามารถพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพและบริการที่หลากหลายได้มากกว่านี้อีก